การยกสูงช่วงล่างนั้น หากเป็นรถกระบะ หรือ SUV ในปัจจุบันนั้นช่วงล่างในด้านหน้าจะเป็นโช็ค+คอยสปริงแทบจะทั้งหมดแล้ว ในการยกสูงนั้นในสเตปของที่Safari จะใช้ตัวสเปเซอร์รองหัวโช๊คเพื่อเพิ่มความสูง ซึ่งจะเริ่มยกรถให้สูงในด้านหน้าได้ประมาณตั้งแต่ 1 นิ้ว ไปจนถึง 2 นิ้ว โดยที่ัยังไม่ส่งผลเสียหายกับช่วงล่างด้านหน้าของรถ

การยกด้วยสเปเซอร์คอยสปริงหน้านั้นเป็นการยกที่ค่อนข้างที่แทบจะไม่ส่งผลเสียหายต่อช่วงล่างด้านหน้าเลยเนื่องจากว่าลักษณะการยกจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับ ค่าความแข็งของตัวสปริงเลยแม้แต่น้อย ความแข็งของสปริงที่เรียกว่าค่า K นั้นจะยังอยู่คงเดิมทุกประการ ไม่ว่าค่า K นั้นเดิมทีจะมีมาก ( แข็งมาก ) ค่า K น้อย หรือ ( แข็งน้อย )ก็ตามที

หากมีคำถามที่ถามมาว่าทำไมถึงไม่ยกโดยใช้โช็คที่ออกแบบมาเพื่อการยกสูงโดยเฉพาะเลย เช่นโช็คที่ผลิตในประเทศหลายๆยี่ห้อ ที่นิยมผลิตโช็คที่สามารถยกสูงได้ในต้วในระดับความสูง 1 นิ้วก็มี 2 นิ้วก็มี หรือจะเป็นโช๊คนำเข้ายี่ห้อดังที่ออกแบบมาเพื่อให้ยกสูงได้ ( ที่เห็นมาจะยกได้เลยในความสูงประมาณ 1 นิ้ว แบบแก้อาการหน้าทิ่ม )

คำตอบจากประสบการณ์คือ ข้อดีของโช็คยกสูงในตัวนั้นหากเป็นโช็คที่ยกเพียงแค่ 1 นิ้ว นั้นคือไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อสเปเซอร์ยกสูง และชิ้นส่วนในชุดช่วงล่างด้านหน้านั้นก็มีไม่มาก

แต่ข้อเสียซึ่งสามารถพบเจอตั้งแต่เริ่มต้นใช้งานคือ หากมีการใช้โช็คที่ยกสูงตั้งแต่ 1 นิ้ว ขึ้นไปเจ้าของรถจะพบกับความแข็งกระด้างในทันทีที่ขับขี่ ยิ่งยกในตัวไปจนถึง 2 นิ้วอันนี้ยิ่งจะเพิ่มความแข็งเข้าไปอีกจนรู้สึกได้ เราสามารถทดสอบได้โดยก่อนที่จะทำการยกนั้นให้ทดลองขับขี่ในเส้นทางที่เราค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อทำการเปลี่ยนช่วงล่างเข้าไปใหม่แล้วจึงนำกลับไปขับขี่ในเส้นทางเดิมอีกครั้งเพื่อทดสอบเปรียบเทียบ ท่านจะรู้สึกได้โดยทันทีส่ารถนั้นแข็งขึ้นหรือไม่

แต่หากโช็คที่ผลิตออกมานั้นออกแบบมาให้โช๊คมีความนุ่มนิ่มเพื่อชดเชยความแข็งกระด้างของสปริงหน้าที่ถูกเค้นความสูงขึ้นไป เมื่อขณะใช้ความเร็วเราจะพบกับความยวบยาบโคลงเคลง เข้ามาแทน

โช็คนั้นถึงแม้จะเป็นโช็คที่สามารถปรับขึ้นสูง เพื่อการยกสูงได้ทางร้านจะปรับความสูงของโช็คให้เป็นแบบสแตนดาร์ด เพื่อไม่ให้ค่า K ของสปริงเปลี่ยนไป หากเราใช้คอยสปริงที่มีความนุ่มนวล สปริงก็จะคงค่าความนุ่มนวลแบบไม่เปลี่ยนแปลงครับ

ในต่างประเทศมีผู้ผลิตสินค้ายี่ห้อที่มีชื่อเสียงหลายๆยี่ห้อได้ผลิตตัวสเปเซอร์รองคอยสปริงหน้าออกมาสู่ท้องตลาดหลายๆยี่ห้อด้วยกันครับ เนื่องจากเป็นวิธีการที่แทบไม่ส่งผลเสียต่อช่วงล่างของรถ ทั้งยังมีสมรถนะในการขับขี่ที่ดีอีกด้วย ในภาพเป็นตัวอย่างสเปเซอร์รองคอยสปริง เป็นสินค้าจากประเทศออสเตรเลียที่มีชื่อว่า SNAKERACING ซึ่งเป็นแบรนด์ดังอีกแบรนด์หนึ่งในออสเตรเลีย ประเทศซึ่งมีการยกช่วงล่างแบบ 2 - 3 นิ้วมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก  คุณภาพสินค้านั้นถือว่าเกรดสูงอยู่พอสมควร รวมถึงราคาค่าตัวก็ย่อมต้องสูงไปด้วยในตัวเป็นธรรมดา ของคู่กัน

สิ่งที่ตามมาหลังจากทำการยกสูงโดยเฉพาะที่ยกสูงขึ้นไปในระดับ 2 - 3 นิ้ว ในด้านหน้นของรถรุ่นใหม่ๆที่ด้านหน้าเป็นแบบคอยสปริงนั้นคือ มุมองศาของปีกนกบนของรถนั้นจะลู่ลงตามความสูงที่เพิ่มมากขึ้นตามสเตป ไม่ว่าจะเป็น 1 นิ้ว 2 นิ้ว 3 นิ้ว มากขึ้นไปตามส่วน

ตามหลักการแล้วเมื่อมุมองศาปีกนกบนมีการเปลี่ยนแปลงไปคือลู่ลงมา มุมคอม้าก็จะมีการเพี้ยนไปจากเดิมตามกันไปครับ

เพราะฉนั้นเมื่อเราทำการยกสูงรถเราขึ้นไปแล้ว ว่าว่าจะเป็น 1 นิ้ว 2 นิ้ว 3 นิ้ว ก็แล้วแต่จะทำให้มุมองศาของปีกนกตัวบนนี้เกิดการผิดเพี้ยนไปจากสแตนดาร์ดเดิมๆของรถ

แล้วถ้าเกิดการผิดเพี้ยนของมุมองศาปีกนกบนไปแล้ว คำถามคือมันจะส่งผลอย่างไรต่อรถยนต์และการขับขี่

คำตอบอย่างง่ายๆนั้นก็คือ หากไม่ทำอะไรเลยเพียงแค่การตั้งศุนย์ล้อเพียงอย่างเดียว และไม่ทำการแก้ไขมุมปีกนกใหม่ และปล่อยไปอย่างนั้น ผลก็คือความนิ่งในการควบคุมรถจากเดิมๆ จะเสียไป แล้วเสียแค่ไหน? ก็เสียตามความสูงของการยกนั้นแหละ ยก 1 นิ้ว ก็เสียน้อยหน่อย ยก 2 นิ้วก็เสียการควบคุมรถที่ดี มากขึ้นไปอีกหน่อยครับ

อาการควบคุมรถได้ยากขึ้นกว่าเดิมสามารถจะสังเกตุได้ตอนไหน?  เราจะสามารถสังเกตุได้ว่าเมื่อเราไปทำการยกสูงด้วยการใช้โช็คอัพที่ยกสูงในตัวมาแล้ว หรือเป็นการรองสเปเซอร์หัวโช๊คมาก็แล้วแต่ โดยเฉพาะเมื่อเราทำการยกสูงขึ้น ระดับซัก 2 นิ้วขึ้นไป โดยที่ยังไม่ได้ทำการแก้ไขมุมองศาปีกนกบนที่เปลี่ยนไป แล้วทำเพียงแค่การตั้งศูนย์เพียงเท่านั้น ผลที่ตามมาก็คือหากเราขับขี่ที่ถนนที่มันเรียบตลอดเหมือนแผ่นกระจกอย่างนี้ การสังเกตุอาการจะเกิดได้น้อยหน่อย ยกเว้นการเปลี่ยนเลนไปมาอย่างเร็ว อย่างนี้จะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถนนที่เราใช้งานอยู่ไม่ได้เรียบเป็นแผ่นกระจก เราจึงจะสามารถสังเกตุเห็นอาการของรถได้ง่ายขึ้นมากครับ

หากเรายกสูงแล้วไม่ได้แก้ไขมุมองศาปีกนกบนนั้น เมื่อเราขับขี่บนถนนทั่วไป เรามักเจอถนนที่เป็นแอ่ง หลุม เนินนูนขึ้นมาแบบถนนลาดยางต่างจังหวัด หรือการขับขึ้นลงคอสะพานเหมือนถนนในกรุงเทพ เราจะได้รับรู้ถึงอาการที่เรียกว่ารถมัน " แว๊บ " หรืออาการพวงมาลัยมันไว ขึ้น อาการจะเกิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสูงที่เราไปยกมา และส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องอีก เช่นเปลี่ยนแปลงขนาดของ กระทะล้อ หรือยางที่ใหญ่ขึ้น

การสังเกตุอาการจะสังเกตุได้ง่ายครับ โดยเฉพาะรถที่เป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือรถที่สภาพใหม่อยู่ใช้งานมายังไม่นาน ไม่ว่าท่านจะไปทำรถที่สำนักแต่ง หรือร้านแต่งรถใดก็แล้วแต่ ก็ขอให้สังเกตุอาการ ก่อน และหลังการทำรถนะครับ อาการสังเกตุง่าย ก่อนทำรถเราวิ่งเป็นอย่างไรการขับขี่เป็นอย่างไร การควบคุมรถเป็นอย่างไรบ้างอย่างนี้ครับ

เมื่อเราทำการเซทช่วงล่างพร้อมกับการยกสูงขึ้นไปโดยที่ทำเพียงการ เปลี่ยนโช็คที่ยกสูงในตัว หรือจะเป็นการรองสเปเซอร์ที่ โช็คหน้าเพียงอย่างเดียวก็แล้วแต่ ถ้าหากไม่ได้ไปทำการปรับมุมองศาของปีกนกบนช่วยแล้ว มีการทำเพียงแค่ตั้งศูนย์ล้อเพียงอย่างเดียว ไม่ว่ารถท่านจะเป็นรถยี่ห้ออะไร รุ่นใดก็แล้วแต่ สิ่งที่ท่านจะพบเจอในทันทีที่ขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อความเร็วของรถของท่านเกินกว่า 80 กม/ชม ขึ้นไปแล้วนั้นคือ เมื่อท่านหักพวงมาลัยเพื่อที่จะแซงรถคันหน้า หรือการที่ท่านจะหักพวงมาลัยเพื่อหลบสิ่งกีดขวาง หรือว่าการขับรถตกหลุมตกร่อง หรือขับรถปีนทางที่เนินลูกเล็กๆ ท่านจะสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนไปของการควบคุมรถของท่าน ว่ามันจะมีอาการที่เรียกว่า "หน้าไว" คือพวงมาลัยมันจะไม่นิ่งคม เหมือนเดิม อาการคือต้องประคองพวงมาลัยไว้ตลอดเวลา และทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการควบคุมรถเป็นอย่างมาก นั่นคืออาการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของมุมปีกนกบนครับ

เพราะฉนั้นการที่เราจะต้องปรับแต่งมุมปีกนกบนให้มีความใกล้เคียงกับของเดิมจึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งสำหรับรถที่ทำการยกสูงมายิ่งเป็นรถที่ทำการยกสูงในระดับเริ่มต้นตั้งแต่ 2 นิ้วขึ้นไปยิ่งมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งครับ

วิธีการและอุปกรณ์ที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อ จัดมุมองศาปีกนกบนของรถที่ทำการยกสูงมาแล้วนั้น ให้ใกล้เคียงกับค่าเดิมๆของรถที่ยังไม่ได้ยกมานั้นๆก็มีหลายๆอย่าง ตามรุ่นรถนั้นๆ ตัวอย่างอันนี้เป็นลูกหมากปีกนกบนของรถ TOYOTA VIGO 4x4 , Prerunner และ Fortuner ครับ ใช้เปลี่ยนแทนลูกหมากเดิมของตัวรถ จะสังเกตุว่าลูกหมากนั้นมีความสูงมากกว่าของเดิมๆ ความสูงนี้จะชดเชยค่ามุมองศาของปีกนกที่หักเทลงมา ซึ่งทำให้ค่าองศาของปีกนกนั้นเพี้ยนไป

ในรถบางรุ่นเช่น Mitsubishi Triton , Pajero sport หรือ Isuzu all new d-max V-cross ก็อาจจะใช้เป็นสเปเซอร์สำหรับรองความสูงระหว่างปีกนกบนกับคอม้า เพื่อช่วยชดเชย มุมองศาปีกนกที่เพี้ยนไป

ซึ่งถ้าถามว่าดีมั๊ย? ขอตอบแบบชัดๆเลยครับว่า " ดีครับ แต่เป็นการดีกว่าไม่ได้ทำครับ " เนื่องจากว่าจากการที่มุมองศาปีกนกบนนั้นมีค่าที่เพี้ยนไปมาก ก็จะกลายเป็น เพี้ยนไปนิดหน่อย ไม่มาก อาการที่เกิดขณะใช้งานรถนั้นน้อย ไม่มากจนสามารถจับอาการได้ชัดเจนมากนักครับ การขับขี่ยังสามารถควบคุมรถได้ดีอยู่ และไม่ยากเย็นอะไร ซึ่งโดยมากแล้วลูกค้าหลายๆท่านส่วนใหญ่จะรับได้

วิธีการแบบนี้ดีตรงที่ไม่ยุ่งยากมาก แก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง และที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายไม่แพง คุ้มค่ากับการทำ มากกว่ายกอย่างเดียวแล้วไม่ทำอะไรกับ มุมองศาปีกนกเลย ปล่อยไว้แบบเดิมๆ ขับอันตรายและไม่มั่นใจในการควบคุมรถเลยครับ

ซึ่งถ้าหากท่านใดได้ไปทำรถมาแล้วโดยการยกสูงในระดับ 2 - 3 นิ้ว โปรดทราบไว้เลยว่าหากท่านไม่ได้ทำการแก้ไขในมุมองศาปีกนกบน ให้รถของท่าน รถท่านจะเกิดอาการพวงมาลัยไว แวบไปแวบมา ง่ายกว่าปรกติ สิ่งนี้เป็นสิ่งไม่ปรกตินะครับ แต่โดยมากร้านที่ทำการยกรถให้กับลูกค้าหลายๆท่าน มักจะแจ้งว่า อาการแบบนี้เป็นปรกติของการยก จะออกอาการบ้าง อย่างนู้นอย่างนี้ อันนี้คงไม่เป็นความจริงครับ เนื่องจากว่าอาการดังกล่าวสามารถแก้ไขให้ใกล้เคียงอาการของรถเดิมๆได้ ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วข้างต้นครับ

นอกจาก ลูกหมากปรับองศาปีกนก และสเปเซอร์รองปรับมุมองศา เป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อการแก้ไขอาการสำหรับการยก 2 - 3 นิ้วที่ได้อธิบายไปนั้น เป็นการแก้ไขแบบง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ต้นทุนในการทำไม่มาก และยังแก้ไขอาการให้พอทุเลาลงได้พอสมควร

แต่มีอุปกรณ์อีกแบบหนึ่งที่สามารถแก้ไขอาการสำหรับรถที่ยกสูงมาแล้วมุมองศาปีกนกบนเกิดการเอียง และมุมคอม้าเกิดการเอียงตามเล็กน้อย  อุปกรณ์ชิ้นนี้คือ ปีกนกบนแบบแต่ง ( แข็งแรงกว่าของสแตนดาร์ด แก้ปัญหาทั้งการเอียงของปีกนกบนเมื่อยกสูง และชดเชยความยาวของปีกนกออกมารับกับคอม้าเดิม ทำให้ระยะของคอม้าใกล้เคียงระยะสแตนดาร์ดอีกด้วยครับ